AnubiS~loVe~CoM: พฤษภาคม 2009

1.Power Supply
ตัวจ่ายไฟ ( Power Supply ) เป็นอุปกรณ์ในการแปลงสัญญาณไฟจาก 220 VOLT กระแสสลับมาเป็นไปกระแสตรง ที่มีแรงดันเหมาะสม กับการใช้งานของอุปกรณ์แต่ละชิ้น เช่น Harddisk, CD-ROM, Disdrive พัดลมและสัญญาณไฟของเครื่องคอมพิวเตอร์

2.Mainboard

Mainboard เป็นอุปกรณ์ที่เป็นแผงวงจรไฟฟ้าหลัก ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีอุปกรณ์ต่างๆ ติดตั้งอยู่บน Mainboard มากมาย และยังมีอุปกรณ์อีกส่วนหนึ่ง นำมาเสียบลงบน Slot หรือช่องเสียบต่างๆ บน Mainboard หรือต่อพ่วงออกไปจาก Mainboard ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อ การทำงานของเครื่อคอมพิวเตอร์ เช่น Ram, CPU, Ship set, ROM bios, VGA card, Sound Card, Modem, LAN Card เป็นต้น เราควรมาทำความรู้จัดกับอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้กันอย่างละเอียด เพื่อจะสามารถประกอบเครื่อง และซ่อมบำรุงได้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันมี 2 แบบ AT, ATX

3.CPU หน่วยประมวลผลกลาง Central Processing Unit

หน่วยประมวลผลกลาง CPU เปรียบเหมือนกับสมองของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการพัฒนามาตามชื่อของเบอร์ IC ซึ่งที่เราเริ่มคุ้นเคยชื่อกันคือ รุ่น 80286, 80386, 80486 และหลังจากรุ่นนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนชื่อกันไป ตามการผลิตของแต่ละบริษัท เช่น ของบริษัท Intel เราจะคุ้นเคยกันในชื่อของ Pentium ส่วนของบริษัทอื่นๆ ก็มีการนำมาใช้บ้าง เช่น ของ AMD, CYRIX, Itel ซึ่งปัจจุบัน CPU มีความเร็วมากกว่า 2.4 GHZ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก

4.Chipset

เป็นอุปกรณ์ที่ฝังอยู่บน Mainboard ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของ Mainboard ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ของ Mainboard และที่คอยคุมระบบบัสต์ โดยที่ Chipset ที่ควบคุมนี้จะเป็นลักษณะ Processor Independent คือ ไม่ขึ้นกับตัว Processor (หรือ CPU ) เช่น PCI BUS และ Chipset 440LX สนับสนุนการทำงานของ AGP จะมีการเชื่อมต่อกับ Chipset ของระบบแบบ Point-to-Point ซึ่ง จะช่วยให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่าง Card AGP กับ Chipset ของระบบได้เร็วขึ้น และยังมีเส้นทางเฉพาะสำหรับติดต่อกับ หน่วยความจำหลักของระบบ เพื่อใช้ทำการ Render ภาพ แบบ 3D ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ซึ่งมีอยู่หลายบริษัท เช่น ของ Intel หรือ VIA หรือ SIS

5.BIOS

เป็นอุปกรณ์ที่ฝังอยู่บน Mainboard ทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลส่วนที่สำคัญเกี่ยวกับการทำงานของ Mainboard ที่ต้องมีกระแสไฟมาเลี้ยงตลอดเวลา มีฉะนั้น ข้อมูลจะหาย ต้องมีการ set กันใหม่ การ setup BIOS เป็นการตั้งค่าต่างๆ เช่น วัน เวลา ชนิดของ Hardware ที่ติดตั้

งในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะต้องใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการ Boot ครั้งแรก เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา ถ้าข้อมูลต่างๆ ไม่ถูกต้อง อาจเป็นเหตุให้ระบบการทำงานต่างๆ ของเครื่องมีปัญหา และอาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์หยุดการทำงาน ถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เราสามารถ clear cmos Jumper เพื่อลบความจำใน CMOS ได้ และตั้งค่าให้ใหม่

6.RAM (Random Access Memory)

เป็นหน่วยความจำชั่วคราวที่ต้องอาศัย ไฟเลี้ยงตลอดเวลา แรมจะเหมือนกับรอม ที่มีเส้นตัวนำไขว้กันเป็นตะแกรง บนแผลซิลิกอน แต่ตรงที่แทนสภาวะตรรก "๑" แทนที่จะมีไดโอด หรือทรานซิสเตอร์ต่ออยู่ กับมีวงจรฟลิปฟล็อป ที่สามารถเก็บข้อมูล และเปลี่ยนแปลงได้ตามวิธีการทางไฟฟ้า ถ้าเราปลดเอาพลังงานไฟฟ้าออก ข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปหมด (volatile) ซึ่งตรงข้ามกับรอม เราใช้แรมเก็บข้อมูลและมักจะใช้รอมเก็บคำสั่ง แรมมีขนาดความจุได้มากถึง ๑๖K บิต (๑๖,๓๘๔ บิต) และ ๖๔K บิต (๖๕,๕๓๖ บิต) การใช้ RAM ควรเลือกใช้ Ram ที่มี BUS สัมพันธ์กับ BUS ของ CPU

ประเภทของ RAM

-Static RAM (SRAM) ไม่ต้องเขียนข้อมูลใหม่

-Dynamic RAM (DRAM) ต้องเขียนข้อมูลใหม่เป็นครั้งๆ เพื่อรักษาข้อมูลให้คงอยู่

-Extended Data Out DRAM (EDO DRAM) เข้าถึงข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง

-Burst EDO DRAM (BEDO DRAM) รวมเอาเทคโนโลยีการทำไปป์ไลน์เข้าไว้ด้วย

-Synchronous DRAM (SDRAM) ใช้ความเร็วแบบซิงโครนัสขึ้นอยู่กับความเร็วของสัญญาณนาฬิกาของระบบ ทำงานที่ความเร็วระดับกับบัส คือมีความเร็วได้มากถึง 100MHz แต่มีความเร็วเท่ากับระบบแคช ส่วนใหญ่ความเร็วบัส เพียง 66MHz จึงไม่สามารถใช้ SDRAM ได้เต็มประสิทธิภาพได้

7.VGA Card การ์ดแสดงผลหรือการ์ดจอ

เป็นการ์ดแสดงผลจอภาพ ปัจจุบันได้พัฒนาจนสามารถแสดงผลบนจอทีวีได้ และเป็นการ์ดที่ใช้แสดงผลเกี่ยวกับภาพสามมิติ ที่ส่วนมากใช้กับเกมประเภทสามมิติ ซึ่งต้องต่อกับ AGP Port ส่วนการ์ดจอแบบเก่า ที่เป็น PCI bus ไม่ค่อยนิยมใช้ในเครื่องรุ่นใหม่ๆ VGA มี 2 แบบ คือ แบบ PCI เป็น Interface แบบเก่า ซึ่งหายากในปัจจุบัน จะมีหน่วยความจำ คู่ละ 1 MB และสามารถเพิ่มได้ แต่มี VGA รุ่นใหม่ที่มี TV OUT ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างแพง และมี RAM 8 MB แบบ AGP เป็นเทคโนโลยีใหม่ ส่วนมากจะมี TV Out มีหน่วยความจำ 8MB ราคาจะถูกกว่า

8.Sound Card
เป็นการ์ดที่ใช้ในการใช้งานเสียง ซึ่งมีทั้งแบบที่แยกต่างหากจาก Main Board และแบบที่ฝังอยู่ใน Main board (on board) ซึ่งส่วนมากจะมีช่องให้เสียบสายลำโพง ไมโครโฟน Line in คือต่อจากอุปกรณ์กำเนิดเสียงอื่นๆ และ Port เพื่อต่อ Joint Stick คุณภาพของเสียงจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ Sound Card และ ลำโพง ดังนั้นอุปกรณืชิ้นนี้ต้องใช้คู้กับลำโพงเสียง

9.LAN Card

ไว้ใช้ประโยชน์ในการต่อระบบ Network หรือระบบเครือข่าย ของเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องภายในหน่วยงาน ซึ่งมีทั้ง Interface แบบ ISA และ แบบ PCI มีความเร็วที่แตกต่างกัน มีทั้งแบบใช้กับสาย UTP และหัว RJ45 เพียงอย่างเดียว หรือชนิดใช้กับสาย Coaxial ได้ด้วย

10.Hard Disk

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ซึ่งมีความจุต่างๆ กัน ปัจจุบันมีความจุตั้งแต่ 20 GB จนถึง 120 GB ซึ่งปัจจุบันมี 2 แบบ คือ แบบ IDE และแบบ SCSI HD ปัจจุบันมีความจุมากขึ้น ซึ่งสามารถจุได้ถึง 120 GB แต่การนำมาใช้ ต้องพิจารณากับ mainboard ของเราด้วย เช่น ถ้าเป็น mainboard รุ่นเก่า จะอ่าน HD ได้เพียง 8 GB เท่านั้น ถึงแม้เราจะซื้อความจุมากกว่านี้ ก็จะอ่านได้เพียง 8 GB โดยปกติแล้ว HD จะมีประกันประมาณ 3 ปี ถ้ามีข้อบกพร่อง หรือข้อเสีย จะสามารถส่งบริษัทเพื่อเปลี่ยนได้ แต่ต้องไม่ใช่การเสียเนื่องจากอาการไหม้ ดังนั้นถ้าซื้อมาแล้วเกิดการเสียสามารถส่งเปลี่ยนได้HDD ด้านบน และด้านล่าง สังเกตว่า จะมีการผนึกมาอย่างดี เพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าไปภายใน

11.CD-ROM

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการอ่านข้อมูลจากแผ่น CD-ROM ซึ่งปัจจุบัน มีทั้งชนิดอ่านอย่างเดียว และชนิดที่ใช้ในการบันทึกแผ่น CD-ROM ได้ด้วย ในปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ผลิตออกมา ซึ่งความเร็วที่มีขายในท้องตลาดทั่วๆ ไป ในขณะนี้ คือ 56X มีทั้งแบบที่เปิดฝา แล้วมีถาดมารับแผ่นเข้าไป และแบบเป็นช่องที่ดูดแผ่นเข้าไปอาการเสียของเครื่องอ่านแผ่น CD-ROM ที่พบมาก1. เกิดจากไม่ค่อยได้ใช้ มีผลให้ฝุ่นไปจับหัวอ่าน 2. เครื่องรุ่นเก่า ระบบการผลิตในรุ่นเก่า ไม่ค่อยเหมาะสมกับแผ่นที่บันทึกในรุ่นใหม่ๆ

ระบบการทำงาน ในการอ่านแผ่น CD-ROM จะใช้วิธีการยิงแสงเลเซอร์ไปที่แผ่น แล้วสะท้อนกลับมายังหัวอ่านเพื่ออ่านข้อมูล จาก แผ่น CD-ROM

12.Floppy Disk Drive

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ขับแผ่น Floppy disk เพื่อบันทึกข้อมูลมีขนาด 3.5, 5.2 นิ้ว